การถ่ายโอนความร้อน หมายถึง
ความร้อนมีการถ่ายโอนได้ ในบริเวณที่สัมผัสกัน ถ้าอุณหภูมิของบริเวณที่สัมผัสต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนให้แก่กันจนอุณหภูมิคงที่
วัตถุต่างๆ ถ่ายโอนความร้อนได้ดีไม่เท่ากัน วัตถุใดที่ยอมให้ความร้อนถ่ายโอนผ่านได้ดีเรียกว่า ตัวนำความร้อน วัตถุที่ความร้อนไม่สามารถถ่ายโอนผ่านไปได้หรือความร้อนผ่านได้ไม่ดี เรียกว่า ฉนวนความร้อน
การถ่ายโอนพลังงานความร้อนมี 3 แบบ
ตัวนำความร้อนและฉนวนความร้อน
การนำความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนไปใช้ประโยชน์
การนำความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อนไปใช้ประโยชน์
ตัวนำความร้อนและฉนวนความร้อน
ตัวนำความร้อน หมายถึงวัตถุที่ยอมให้ความร้อนเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในวัตถุนั้นได้ดี ส่วนใหญ่มักเป็นโลหะซึ่งมีอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่อย่างอิสระ ทำให้นำความร้อนได้เร็ว ได้แก่ เงิน ทองทองแดง อลูมิเนียม ฯลฯ
ฉนวนความร้อน หมายถึงวัตถุที่ไม่ยอมให้ความร้อนเคลื่อนที่ ผ่านเข้าไปได้ หรือนำความร้อนได้ไม่ดี ได้แก่ ไม้ พลาสติก แก้ว น้ำ อากาศ ฯลฯ
การนำความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนไปใช้ประโยชน์
เรานำความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนพลังงานความร้อนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายประการ เช่น การออกแบบกระทะหรือหม้อหุงต้มนิยมทำด้วยสแตนเลสหรืออลูมิเนียม แต่ด้ามจับทำด้วยพลาสติกเพราะเป็นฉนวน พื้นเตารีดทำด้วยโลหะแต่มือจับทำด้วยพลาสติก ตัวกระติกน้ำแข็งนิยมทำด้วยพลาสติกเพราะเป็นฉนวนความร้อนทำให้ความร้อนจากภายนอกไม่สามารถผ่านเข้าไปในกระติกน้ำแข็งได้ ที่รองอุปกรณ์ปรุงอาหารในครัวนิยมทำด้วยไม้คอร์ก ป้องกันพื้นโต๊ะเสียหายเมื่อนำอุปกรณ์ร้อนๆวางบนโต๊ะ อุปกรณ์บัดกรีไฟฟ้านิยมทำด้วยทองแดงมือจับทำด้วยฉนวนเช่น พลาสติกแข็ง เรซิน อากาศเป็นฉนวนความร้อนที่ดี จึงมีการนำอากาศมาใช้เป็นฉนวนความร้อนของเครื่องใช้ แต่อากาศเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระจึงต้องทำช่องหรือตาข่ายเก็บอากาศไว้ เช่น ถุงมือที่ใช้จับภาชนะหุงต้มอาหารจะมีช่องหรือบริเวณที่ใช้เก็บกักอากาศ เวลาใช้จึงรู้สึกว่าถุงมือโป่งพอง ทั้งนี้เพื่อให้อากาศเป็นตัวกันไม่ให้ความร้อนไหลเข้าสู่มือขณะจับจาน กระทะหรือภาชนะหุงต้มขณะยังร้อนอยู่ ผ้าห่มจะถูกทำให้มีช่องอากาศ เมื่อใช้ผ้าห่มห่มร่างกายขณะที่อากาศภายนอกเย็น อากาศที่ถูกเก็บไว้ในผ้าห่มจะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากร่างกายไหลออกไปทำให้ร่างกายอบอุ่นขณะห่มผ้าห่ม
รูป อุปกรณ์บัดกรีไฟฟ้า
(บัญชา แสนทวี. 2546 : 193)
สมดุลความร้อน หมายถึง ภาวะที่สารที่มีอุณหภูมิต่างกันสัมผัสกัน และถ่ายโอนความร้อนจนกระทั่งสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน (และหยุดการถ่ายโอนความร้อน) เช่น การผสมน้ำร้อนกับน้ำเย็นเข้าด้วยกัน น้ำร้อนจะถ่ายโอนพลังงานความร้อนให้กับน้ำเย็น และเมื่อน้ำที่ผสมมีอุณหภูมิเท่ากัน การถ่ายโอนความร้อนจึงหยุด
วัตถุทุกชนิดสามารถดูดกลืนพลังงานรังสี การดูดกลืนพลังงานรังสีของวัตถุเรียกว่า "การดูดกลืนความร้อน" จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์พบว่า วัตถุที่มีผิวนอกสีดำทึบหรือสีเข้ม จะดูดกลืนความร้อนได้ดี วัตถุที่มีผิวนอกสีขาวหรือสีอ่อนจะดูดกลืน ความร้อนได้ไม่ดี
ในทำนองตรงกันข้าม วัตถุที่มีความร้อนทุกชนิดสามารถคายความร้อนได้เช่นกัน โดยวัตถุที่มีผิวนอกสีดำจะคายความร้อนได้ดี และวัตถุที่มีผิวนอกขาวจะคายความร้อนได้ไม่ดี
ในชีวิตประจำวันใช้ประโยชน์จากสมบัติของการดูดกลืนความร้อนและการคายความร้อนของวัตถุในการเลือกสีทาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชุดนักดับเพลิงมีสีสว่างและแวววาวเพื่อไม่ให้รับพลังงานความร้อนมากเกินไป บ้านเรือนที่อยู่อาศัยในเขตร้อนนิยมทาด้วยสีขาว เป็นต้น
วัตถุบางชนิดจะขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนและจะหดตัวเมื่อคายความร้อน การขยายตัวของวัตถุเป็นสมบัติเฉพาะตัวของวัตถุ อัตราส่วนระหว่างขนาดของวัตถุที่เปลี่ยนแปลงไปกับขนาดเดิมของวัตถุต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า "สัมประสิทธิ์ของการขยายตัว" วัตถุใดที่มีสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวมากจะขยายตัวได้มากกว่าวัตถุที่มีสัมประสิทธิ์การขยายตัวน้อย เช่น ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และความดันบรรยากาศเดียวกัน สังกะสี ตะกั่ว อะลูมิเนียม จะขยายตัวได้มากไปน้อย ตามลำดับ
ความรู้เรื่องการขยายตัวของวัตถุเมื่อได้รับความร้อนถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เช่น การเว้นรอยต่อของรางรถไฟ การเว้นช่องว่างของหัวสะพาน การประดิษฐ์เทอร์มอมิเตอร์ และการติดตั้งเทอร์มอสแตตไฟฟ้า เพื่อใช้ควบคุมระดับอุณหภูมิของเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
กิจกรรมต่างๆ ในสาขาฟิสิกส์ ประยุกต์พลังงาน
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
การถ่ายโอนความร้อน หมายถึง
ความร้อนมีการถ่ายโอนได้ ในบริเวณที่สัมผัสกัน ถ้าอุณหภูมิของบริเวณที่สัมผัสต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนให้แก่กันจนอุณหภูมิคงที่
วัตถุต่างๆ ถ่ายโอนความร้อนได้ดีไม่เท่ากัน วัตถุใดที่ยอมให้ความร้อนถ่ายโอนผ่านได้ดีเรียกว่า ตัวนำความร้อน วัตถุที่ความร้อนไม่สามารถถ่ายโอนผ่านไปได้หรือความร้อนผ่านได้ไม่ดี เรียกว่า ฉนวนความร้อน
การถ่ายโอนความร้อน หมายถึง
การถ่ายโอนพลังงานความร้อนมี 3 แบบ
ตัวนำความร้อนและฉนวนความร้อน
การนำความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนไปใช้ประโยชน์
การนำความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อนไปใช้ประโยชน์

ตัวนำความร้อนและฉนวนความร้อน
ตัวนำความร้อน หมายถึงวัตถุที่ยอมให้ความร้อนเคลื่อนที่ผ่านเข้าไปในวัตถุนั้นได้ดี ส่วนใหญ่มักเป็นโลหะซึ่งมีอิเล็กตรอนที่เคลื่อนที่อย่างอิสระ ทำให้นำความร้อนได้เร็ว ได้แก่ เงิน ทองทองแดง อลูมิเนียม ฯลฯ
ฉนวนความร้อน หมายถึงวัตถุที่ไม่ยอมให้ความร้อนเคลื่อนที่ ผ่านเข้าไปได้ หรือนำความร้อนได้ไม่ดี ได้แก่ ไม้ พลาสติก แก้ว น้ำ อากาศ ฯลฯ
การนำความรู้เกี่ยวกับการนำความร้อนไปใช้ประโยชน์
เรานำความรู้เกี่ยวกับการถ่ายโอนพลังงานความร้อนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายประการ เช่น การออกแบบกระทะหรือหม้อหุงต้มนิยมทำด้วยสแตนเลสหรืออลูมิเนียม แต่ด้ามจับทำด้วยพลาสติกเพราะเป็นฉนวน พื้นเตารีดทำด้วยโลหะแต่มือจับทำด้วยพลาสติก ตัวกระติกน้ำแข็งนิยมทำด้วยพลาสติกเพราะเป็นฉนวนความร้อนทำให้ความร้อนจากภายนอกไม่สามารถผ่านเข้าไปในกระติกน้ำแข็งได้ ที่รองอุปกรณ์ปรุงอาหารในครัวนิยมทำด้วยไม้คอร์ก ป้องกันพื้นโต๊ะเสียหายเมื่อนำอุปกรณ์ร้อนๆวางบนโต๊ะ อุปกรณ์บัดกรีไฟฟ้านิยมทำด้วยทองแดงมือจับทำด้วยฉนวนเช่น พลาสติกแข็ง เรซิน อากาศเป็นฉนวนความร้อนที่ดี จึงมีการนำอากาศมาใช้เป็นฉนวนความร้อนของเครื่องใช้ แต่อากาศเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระจึงต้องทำช่องหรือตาข่ายเก็บอากาศไว้ เช่น ถุงมือที่ใช้จับภาชนะหุงต้มอาหารจะมีช่องหรือบริเวณที่ใช้เก็บกักอากาศ เวลาใช้จึงรู้สึกว่าถุงมือโป่งพอง ทั้งนี้เพื่อให้อากาศเป็นตัวกันไม่ให้ความร้อนไหลเข้าสู่มือขณะจับจาน กระทะหรือภาชนะหุงต้มขณะยังร้อนอยู่ ผ้าห่มจะถูกทำให้มีช่องอากาศ เมื่อใช้ผ้าห่มห่มร่างกายขณะที่อากาศภายนอกเย็น อากาศที่ถูกเก็บไว้ในผ้าห่มจะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนจากร่างกายไหลออกไปทำให้ร่างกายอบอุ่นขณะห่มผ้าห่ม
รูป อุปกรณ์บัดกรีไฟฟ้า
(บัญชา แสนทวี. 2546 : 193)
สมดุลความร้อน หมายถึง ภาวะที่สารที่มีอุณหภูมิต่างกันสัมผัสกัน และถ่ายโอนความร้อนจนกระทั่งสารทั้งสองมีอุณหภูมิเท่ากัน (และหยุดการถ่ายโอนความร้อน) เช่น การผสมน้ำร้อนกับน้ำเย็นเข้าด้วยกัน น้ำร้อนจะถ่ายโอนพลังงานความร้อนให้กับน้ำเย็น และเมื่อน้ำที่ผสมมีอุณหภูมิเท่ากัน การถ่ายโอนความร้อนจึงหยุด
วัตถุทุกชนิดสามารถดูดกลืนพลังงานรังสี การดูดกลืนพลังงานรังสีของวัตถุเรียกว่า "การดูดกลืนความร้อน" จากการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์พบว่า วัตถุที่มีผิวนอกสีดำทึบหรือสีเข้ม จะดูดกลืนความร้อนได้ดี วัตถุที่มีผิวนอกสีขาวหรือสีอ่อนจะดูดกลืน ความร้อนได้ไม่ดี
ในทำนองตรงกันข้าม วัตถุที่มีความร้อนทุกชนิดสามารถคายความร้อนได้เช่นกัน โดยวัตถุที่มีผิวนอกสีดำจะคายความร้อนได้ดี และวัตถุที่มีผิวนอกขาวจะคายความร้อนได้ไม่ดี
ในชีวิตประจำวันใช้ประโยชน์จากสมบัติของการดูดกลืนความร้อนและการคายความร้อนของวัตถุในการเลือกสีทาอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น ชุดนักดับเพลิงมีสีสว่างและแวววาวเพื่อไม่ให้รับพลังงานความร้อนมากเกินไป บ้านเรือนที่อยู่อาศัยในเขตร้อนนิยมทาด้วยสีขาว เป็นต้น
วัตถุบางชนิดจะขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนและจะหดตัวเมื่อคายความร้อน การขยายตัวของวัตถุเป็นสมบัติเฉพาะตัวของวัตถุ อัตราส่วนระหว่างขนาดของวัตถุที่เปลี่ยนแปลงไปกับขนาดเดิมของวัตถุต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง เรียกว่า "สัมประสิทธิ์ของการขยายตัว" วัตถุใดที่มีสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวมากจะขยายตัวได้มากกว่าวัตถุที่มีสัมประสิทธิ์การขยายตัวน้อย เช่น ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และความดันบรรยากาศเดียวกัน สังกะสี ตะกั่ว อะลูมิเนียม จะขยายตัวได้มากไปน้อย ตามลำดับ
ความรู้เรื่องการขยายตัวของวัตถุเมื่อได้รับความร้อนถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เช่น การเว้นรอยต่อของรางรถไฟ การเว้นช่องว่างของหัวสะพาน การประดิษฐ์เทอร์มอมิเตอร์ และการติดตั้งเทอร์มอสแตตไฟฟ้า เพื่อใช้ควบคุมระดับอุณหภูมิของเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
กิจกรรมต่างๆ ในสาขาฟิสิกส์ ประยุกต์พลังงาน
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ขอโทษนะคับ (บัญชา แสนทวี. 2546 : 193) นี่มาจากหนังสือเล่มไหนหรอครับ คืออยากได้ไปอ้างอิงในรายงาน พอจะหาหนังสือให้ได้ป่าวคับ ขอบคุณคับ
ตอบลบขอบคุณเว็บนี้มากๆครับและเนื้อหาพอดีกันครับและผมทำรายงานได้ชิวๆเลยครับขอขอบคุณจริงๆนะครับ ผมจะได้
ตอบลบทำรายงานส่งครูสักทีจะได้ผ่านวิชาวิทยาศาสตร์ขอบคุณ
จริงๆนะคระบ
ดีอะคับ
ตอบลบดีอะคับ
ตอบลบ